เรื่องการจัดกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต ( กพช.)
การจัดการศึกษาหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช2551เป็นการจัดการศึกษาให้กับกลุ่มเป้าหมายประชาชนทั่วไปที่ไม่อยู่ในระบบโรงเรียนโดยมีจุดมุ่งหมายที่จะพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณธรรมจริยธรรมสติปัญญาและคุณภาพชีวิตที่ดีมีศักยภาพในการประกอบอาชีพและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องมุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีทักษะการดำเนินชีวิตที่ดีและสามารถจัดการกับชีวิตชุมชนและสังคมได้อย่างมีความสุขตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงภูมิใจในความเป็นไทยและการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและสามารถบูรณาการความรู้มาใช้พัฒนาตนเองครอบครัวชุมชนสังคมและประเทศชาติ
จากจุดหมายของหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช2551ได้กำหนดสาระการเรียนรู้เป็น 5 สาระ ได้แก่ สาระทักษะการเรียนรู้ สาระความรู้พื้นฐาน สาระการประกอบอาชีพ สาระทักษะการดำเนินชีวิต สาระการพัฒนาสังคม และกำหนดให้ผู้เรียนต้องทำกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิตจำนวนไม่น้อยกว่า100ชั่วโมงเป็นเงื่อนไขในการจบหลักสูตรโดยเน้นให้ผู้เรียนนำข้อมูลความรู้และประสบการณ์มาฝึกทักษะการคิดการวางแผนปฏิบัติการที่จะส่งผลต่อการจัดกิจกรรมการพัฒนาตนเองครอบครัวชุมชนและสังคมเพื่อให้ดำรงอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข
หลักการ
1. สถานศึกษาจัดให้ลงทะเบียนกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิตในภาคเรียนแรกเพื่อทำความเข้าใจให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความรู้พื้นฐานของกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิตจนเกิดความตระหนักและเห็นความสำคัญของกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิตสามารถเขียนโครงการและดำเนินการตามโครงการได้
2. สถานศึกษาให้ผู้เรียนเสนอโครงการกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิตและวางแผนการเรียนรู้ร่วมกับครูและทำกิจกรรมไม่น้อยกว่า100 ชั่วโมงโดยให้ผู้เรียนเสนอโครงการได้ตลอดเวลาในทุกภาคเรียนเมื่อมีการวางแผนประสานงานและมีความพร้อมจะจัดทำโครงการ ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามแนวทางขั้นตอนที่สถานศึกษากำหนด
3. กิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิตเป็นกิจกรรมที่มีเจตนารมณ์ให้มีการพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเองอยู่ตลอดเวลาอย่างหลากหลายให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมสิ่งแวดล้อมซึ่งอยู่ในวิถีการดำเนินชีวิตของตนตลอดเวลาจึงต้องมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
4. ผู้เรียนมีอิสระในการเลือกทำกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิตตามความพร้อมความถนัดหรือตามความสนใจ
5. การทำกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิตจะปฏิบัติเป็นกลุ่มหรือเป็นรายบุคคลก็ได้
6. การประเมินค่ากิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ประเมินจากการทำกิจกรรมที่ผู้เรียนเสนอโครงการไว้ในแต่ละภาคเรียนโดยเน้นการประเมินแบบมีส่วนร่วม
7. กิจกรรมที่ได้รับการประเมินค่าแล้วหากผู้เรียนประสงค์จะทำกิจกรรมในลักษณะเดิมอีกต้องเสนอโครงการใหม่ที่ชี้ให้เห็นพัฒนาการของกิจกรรม
วัตถุประสงค์
1.เพื่อให้ผู้เรียนมีโอกาสใช้กระบวนการกลุ่มแลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์โดยฝึกทักษะการคิดการแก้ปัญหาและความมีเหตุผล
2. เพื่อปลูกฝังให้ผู้เรียนมีคุณธรรมจริยธรรมและสามารถอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข
3. เพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนได้พัฒนาตนเองและมีส่วนร่วมในการพัฒนาครอบครัวชุมชนและสังคมทำให้เกิดความรู้สึกผูกพันเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนและสังคม
องค์ประกอบกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต
กิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิตประกอบด้วย
1. ความรู้พื้นฐาน เป็นกิจกรรมการเรียนรู้ที่มีขอบข่ายเนื้อหาเกี่ยวกับ
โครงสร้างและประโยชน์ของ กพช.
แนวทางพัฒนาตนเองครอบครัว ชุมชน สังคม
กระบวนการกลุ่ม
กระบวนการคิดเป็นทำเป็น แก้ปัญหาเป็น และการนำไปใช้ในการดำเนินชีวิต
การประสานเครือข่าย
การเป็นผู้นำ ผู้ตาม
การวางแผนและประโยชน์ของการวางแผน
มนุษยสัมพันธ์
การเขียนโครงการ
2. กิจกรรมโครงการ
เป็นกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจริงในการทำกิจกรรมโครงการที่เกี่ยวกับการพัฒนาตนเอง ครอบครัว ชุมชน และสังคม
ลักษณะกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต (กพช.)
ลักษณะการจัดกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิตแบ่งเป็น 2 ประเภท ดังนี้
1. กิจกรรมการเรียนรู้ที่มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะชีวิตของตนเองและครอบครัวโดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมของผู้เรียน ดังตัวอย่างต่อไปนี้
- ด้านสุขภาพกาย/จิต เช่น โครงการ กศน.ไร้พุง
- ด้านคุณธรรมจริยธรรม เช่น โครงการสามัคคีสร้างสุขโครงการคุณธรรมนำชีวิตโครงการ1ตำบล1วัด - ด้านเศรษฐกิจพอเพียง เช่น โครงการรู้รับรู้จ่ายรู้ได้รู้เก็บ
- ด้านการพัฒนาตนเองในด้านต่างๆ เช่น โครงการพัฒนาบุคลิกภาพ
- ด้านยาเสพติด เช่น โครงการครอบครัวอบอุ่น
- ด้านเพศศึกษา เช่น โครงการพ่อแม่รู้ใจวัยรุ่นรู้ทัน
- ด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินเช่นโครงการเตรียมตัวเตรียมใจรับภัยธรรมชาติฯลฯ
โดยต้องพิจารณาในประเด็นสำคัญๆดังนี้
1) ประโยชน์ที่ตนเอง/ครอบครัวได้รับเป็นกิจกรรมที่สามารถสร้าง/พัฒนาทักษะการดำเนินชีวิตให้ตนเอง/ครอบครัวอยู่ได้อย่างมีความสุข
2) การมีส่วนร่วมของผู้เรียนและครอบครัวเป็นกิจกรรมที่ดำเนินการแล้วผู้เรียนและครอบครัวเห็นความสำคัญและให้ความร่วมมือ
3)การใช้กระบวนการกลุ่มเป็นกิจกรรมที่ทำให้เกิดความร่วมมือในการดำเนินงานมีการประสานงานความรับผิดชอบเสียสละและจิตบริการ
4) ความเหมาะสมในการใช้ระยะเวลาในการปฏิบัติงานตามโครงการ
5) ปัจจัยที่เอื้อต่อความสำเร็จ ได้แก่ ความรู้แหล่งข้อมูล วัสดุ งบประมาณและการเลือกใช้ทรัพยากรได้อย่างเหมาะสม ประหยัด
6) ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์เป็นการคิดสิ่งใหม่ๆที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเอง/ครอบครัว
2.กิจกรรมการเรียนรู้ที่มุ่งเน้นการพัฒนาชุมชนและสังคมโดยใช้กระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชน
ดังตัวอย่างต่อไปนี้ เช่น
- ด้านการพัฒนาชุมชนและสังคม เช่น โครงการอาสาสมัครลูกเสือ ยุวกาชาด/ชมรมอาสายุวกาชาดนอกโรงเรียน
- ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น โครงการลดโลกร้อนด้วยมือเราโครงการหน้าบ้านน่ามองโครงการอนุรักษ์ป่าไม้แม่น้ำลำคลอง
- ด้านศาสนาศิลปวัฒนธรรมและประเพณี เช่น โครงการอนุรักษ์รักวัฒนธรรม
- ด้านภูมิปัญญาท้องถิ่นและแหล่งเรียนรู้ เช่น โครงการคลังสมองร่วมพัฒนาชุมชน
- ด้านประชาธิปไตย เช่น โครงการเรียนรู้ประชาธิปไตยใส่ใจรักษาสิทธิ
-ด้านการสนับสนุนส่งเสริมงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เช่น โครงการบรรณารักษ์อาสา ฯลฯ
โดยต้องพิจารณาในประเด็นสำคัญๆดังนี้
1)ประโยชน์ที่ชุมชนและสังคมจะได้รับหรือเป็นบริการที่ช่วยส่งเสริมหรือพัฒนาคุณภาพชีวิตทางด้านเศรษฐกิจสังคมการเมืองการปกครองตลอดจนสนับสนุนการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยและอื่นๆที่ตอบสนองนโยบายการพัฒนาประเทศ
2) การมีส่วนร่วมของคนในชุมชนเป็นกิจกรรมที่ดำเนินการแล้วคนในชุมชนเห็นความสำคัญและให้ความร่วมมือทั้งด้านความคิดแรงงานวัสดุอุปกรณ์และอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
3)การใช้กระบวนการกลุ่มเป็นกิจกรรมที่ทำให้เกิดความร่วมมือในการดำเนินงานการช่วยกันคิดการประสานงานและแบ่งความรับผิดชอบทำให้เกิดความสามัคคี เสียสละ จิตบริการ ตามวิถีประชาธิปไตย
4) การใช้ระยะเวลาในการปฏิบัติงานเป็นกิจกรรมที่ใช้เวลาในการปฏิบัติงานให้มีความเหมาะสมกับกิจกรรมโครงการที่นำเสนอ
5) ปัจจัยที่เอื้อต่อความสำเร็จ เช่น บุคลากร วัสดุ งบประมาณและการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในชุมชนให้เป็นไปอย่างประหยัดและประยุกต์ใช้ได้อย่างเหมาะสม
6) ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์เป็นการคิดสิ่งใหม่ๆที่เป็นประโยชน์และทำให้เกิดการพัฒนาชุมชนสังคมสิ่งแวดล้อมตลอดจนสามารถพัฒนาได้อย่างต่อเนื่องและอย่างยั่งยืน
กระบวนการกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต (กพช.)
1. ผู้เรียนลงทะเบียนกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต
2. ครูให้ความรู้พื้นฐานและให้แนวทางการทำกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต
3. ผู้เรียนยื่นคำร้องขอทำกิจกรรมและเสนอโครงการตามแบบที่กำหนด
4. ประสานกับบุคคลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการทำกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต
5. สถานศึกษาแต่งตั้งคณะกรรมการประเมินโครงการ
6. ผู้เรียนดำเนินการตามโครงการที่ได้รับอนุมัติพร้อมบันทึกการปฏิบัติงานเป็นรายบุคคลโดยอยู่ในการกำกับดูแลของครูที่ปรึกษาโครงการ
7. คณะกรรมการประเมินโครงการนิเทศติดตามผลการดำเนินงานและประเมินผล
8. ผู้เรียนจัดทำเอกสารรายงานผลการดำเนินงานตามโครงการสถานศึกษาเมื่อสิ้นสุดโครงการ
9. คณะกรรมการประเมินค่าผลสำเร็จของโครงการเป็นจำนวนชั่วโมงกิจกรรม
10. สถานศึกษาและผู้เรียนบันทึกผลจำนวนชั่วโมงที่ทำกิจกรรม กพช. ไว้เป็นหลักฐาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น